เมนู

อนาปัตติวาร


[386] ภิกษุอาพาธเข้าอยู่ 1 ภิกษุถูกความหนาวหรือความร้อน
เบียดเบียนแล้วเข้าไปอยู่ 1 ภิกษุมีอันตราย 1 ภิกษุวิกลจริต 1 ภิกษุอาทิ-
กัมมิกะ 1 ไม่ต้องอาบัติแล.
ภูตคามวรรค สิกขาบทที่ 6 จบ

เสนาสนวรรค อนูปขัชชสิกขาบทที่ 6


พึงทราบวินิจฉัย ในสิกขาบทที่ 6 ดังต่อไปนี้

[แก้อรรถปฐมบัญญัติ เรื่องเข้าไปนอนแทรกแซง]


บทว่า ปลิพุทฺธนฺติ มีความว่า พวกภิกษุฉัพพัคคีย์ไปถึงก่อนขน
บาตรและจีวรไปยืนกั้นอยู่.
ข้อว่า

เถเร กิกฺขู วุฏฺฐาเปนฺติ

มีความว่า ถือเอาตามลำดับ
พรรษากล่าวว่า ท่านผู้มีอายุ (ที่นี้) ถึงแก่พวกเรา ดังนี้ แล้วให้ย้ายออก
ไปเสีย.
คำว่า

อนุปขชฺช เสยฺยํ กปฺเปนฺติ

มีความว่า พวกภิกษุฉัพพัคคีย์
เข้าไปแทรกแซงกล่าวว่า ท่านขอรับ เฉพาะที่เตียงเท่านั้น ถึงแก่พวกท่าน
ไม่ใช่วิหารทั้งหมด, บัดนี้ ที่นี้ ถึงแก่พวกกระผม ดังนี้ จัดวางเตียงและตั่ง
แล้วนั่งบ้าง นอนบ้าง กระทำการสาธยายบ้าง.
บทว่า ชานํ ได้เเก่ รู้อยู่ว่า ภิกษุนี้ไม่ควรถูกย้าย. ด้วยเหตุนั้น
นั่นเอง ในวิภังค์แห่งบทว่า ชานํ นั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงตรัสคำเป็นต้นว่า
วุฑฺโฒติ ชานาติ แปลว่า รู้อยู่ว่าเป็นพระผู้เฒ่า. จริงอยู่ ภิกษุผู้เฒ่าเป็น

ผู้ไม่ควรให้ย้าย เพราะตนเป็นผู้เฒ่า, ภิกษุผู้อาพาธเป็นผู้ไม่ควรให้ย้าย เพราะ
เธอเป็นผู้อาพาธ ก็สงฆ์กำหนดความเป็นผู้มีอุปการะและความเป็นผู้มีคุณ
พิเศษ แห่งภิกษุภัณฑาคาริกก็ดี แห่งภิกษุผู้เป็นพระธรรมกถึก และพระ
วินัยธรเป็นต้น ก็ดี แห่งภิกษุผู้เป็นอาจารย์สอนคณะก็ดี จึงสมมติวิหารให้
เพื่อต้องการให้อยู่ประจำ. เพราะเหตุนั้น สงฆ์ให้วิหารแก่ภิกษุใด, ภิกษุแม้นั้น
ชื่อว่า เป็นผู้ไม่ควรให้ย้าย. ก็ในคำว่า วุฑฺโฒติ ชานาติ เป็นต้นนี้
สงฆ์เท่านั้นจะให้เสนาสนะที่สมควรแม้แก่ภิกษุผู้อาพาธก็จริง, ถึงกระนั้น ภิกษุ
อาพาธก็แยกตรัสไว้แผนกหนึ่ง เพื่อแสดงว่า แม้เป็นผู้มีเสนาสนะอันสงฆ์ยัง
ไม่อปโลกน์ให้ ก็ไม่ควรบีบคั้น ควรอนุเคราะห์ ดังนี้.
ในคำว่า อุปจาเร นี้ พึงทราบวินิจฉัยดังนี้. หนึ่งศอกคืบโดยรอบ
ในวิหารใหญ่ ชื่ออุปจารแห่งเตียงและตั่งก่อน. ในวิหารเล็กหนึ่งศอกคืบจากที่
พอจะดังเตียงตั่งได้ (ชื่อว่า อุปจารแห่งเตียงตั่ง). ทางกว้างศอกคืบชั่วระยะ
ถึงเตียงและตั่ง จากที่วางก้อนหินสำหรับล้างเท้าซึ่งวางไว้ที่ประตูและที่ถ่าย
ปัสสาวะ สำหรับภิกษุผู้ล้างเท้าแล้วเข้าไป และภิกษุผู้ออกไปเพื่อต้องการถ่าย
ปัสสาวะ ชื่ออุปจาร. ภิกษุใดใคร่จะสำเร็จการนอนแทรกแซง ปูลาดเองก็ดี
ให้ปูลาดก็ดี ซึ่งที่นอนในอุปจารแห่งภิกษุผู้ยืนอยู่ที่อุปจารแห่งเตียงหรือตั่งนั้น
ก็ดี ผู้เข้าหรือออกอยู่ก็ดี ภิกษุนั้นต้องทุกกฏ.
ในคำว่า อภินีสีทติ วา อภินิปชฺชติ วา นี้ พึงทราบวินิจฉัย
ดังนี้. เป็นปาจิตตีย์ เพราะเหตุสักว่านั่งทับบ้าง เพราะเหตุสักว่านอนทับ
บ้าง, แต่ถ้าภิกษุทำการนั่งและทำการนอนทั้ง 2 อย่าง เป็นปาจิตตีย์ 2 ตัว.
เมื่อผุดลุกผุดนั่งหรือผุดลุกผุดนอน เป็นปาจิตตีย์ทุก ๆ ประโยค.

บัณฑิตพึงทราบประเภทแห่งทุกกฎ แม้ในทุกกฏวาร มีอาทิว่า
วิหารสฺส อุปจาเร ดังนี้ ในคำว่า อุปจารํ ฐเปตฺวา เสยฺยํ สนฺถรติ วา
สนฺถราเปติ วา
นี้ และอื่นจากคำนี้ เหมือนประเภทแห่งปาจิตตีย์ที่ตรัส
ไว้ในการทำกิจทั้ง 2 คือ เพียงแต่นั่งทับและนอนทับ ในคำว่า อภินิสีทติ
วา อภินิปชฺชติ วา
นี้ และในประเภทแห่งประโยคฉะนั้น. เพราะไม่ต้องการ
ด้วยวิสภาคบุคคลเช่นนี้อยู่ในวิหารเดียวกัน หรือในบริเวณเดียวกัน ฉะนั้น
ท่านจึงห้ามการอยู่แห่งวิสภาคบุคคลนั้น ในที่ทุกแห่งทีเดียว.
แม้ในคำว่า อญฺญสฺส ปุคฺคลิเก นี้ ก็พึงทราบวินิจฉัยดังนี้.
เสนาสนะส่วนตัวของบุคคลผู้คุ้นเคยกัน เช่นเดียวกับของส่วนตัวของตนเหมือน
กัน ไม่เป็นอาบัติในเสนาสนะส่วนตัวบุคคลของผู้คุ้นเคยกันนั้น.
บทว่า อาปทาสุ มีความว่า ถ้ามีอันตรายแห่งชีวิตและพรหมจรรย์
แก่ภิกษุผู้อยู่ภายนอก ในเพราะอันตรายเห็นปานนั้น ไม่เป็นอาบัติแม้แก่ภิกษุ
ผู้เข้าไป (ภายใน). บทที่เหลือตื้นทั้งนั้นแล.
สิกขาบทนี้ มีสมุฎฐานดุจปฐมปาราชิก เป็นกิริยา สัญญาวิโมกข์
สจิตตกะ โลกวัชชะ กายกรรม อกุศลจิต เป็นทุกขเวทนา ดังนี้แล.
อนูปขัชชสิกชาบทที่ 6 จบ

ภูตคามวรรค สิกขาบทที่ 7


เรื่องพระสัตตรสวัคคีย์


[387] โดยสมัยนั้น พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าประทับอยู่ ณ พระ-
เชตวัน อารามของอนาถบิณฑิกคหบดี เขตพระนครสาวัตถี ครั้งนั้น
พระสัตตรสวัคคีย์ ปฏิสังขรณ์วิหารใหญ่แห่งหนึ่ง ซึ่งทั้งอยู่สุดเขตวัด ด้วย
หมายใจว่าพวกเราจักอยู่จำพรรษา ณ ที่นี้ พระฉัพพัคคีย์ได้เห็นพระสัตตรสวัคคีย์
ผู้กำลังปฏิสังขรณ์วิหาร ครั้นแล้วจึงพูดกันอย่างนี้ว่า อาวุโสทั้งหลาย พระ
สัตตรสวัคคีย์เหล่านั้น กำลังปฎิสังขรณ์วิหาร อย่ากระนั้นเลย พวกเราจักไล่
พวกเธอไปเสีย ภิกษุบางเหล่าพูดอย่างนี้ว่า อาวุโสทั้งหลาย โปรดรออยู่ก่อน
จนกว่าเธอจะปฏิสังขรณ์เสร็จ เมื่อเธอปฎิสังขรณ์เสร็จแล้วพวกเราจงค่อยไล่ไป.
ครั้นพระสัตตรสวัคคีย์ปฎิสังขรณ์เสร็จแล้ว พระฉัพพัคคีย์ได้กล่าวคำนี้
กะพระสัตตรสวัคคีย์ว่า อาวุโสทั้งหลาย พวกท่านจงย้ายไป วิหารถึงแก่พวกเรา.
พระสัตตรสวัคคีย์ตอบว่า อาวุโสทั้งหลาย พวกท่านควรจะบอก
ล่วงหน้ามิใช่หรือ พวกผมจะได้ปฏิสังขรณ์วิหารหลังอื่น.
ฉ. อาวุโสทั้งหลาย วิหารเป็นของสงฆ์มิใช่หรือ.
ส. ขอรับ วิหารเป็นของสงฆ์.
ฉ. พวกท่านจงย้ายไป วิหารถึงแก่พวกเรา.
ส. วิหารหลังใหญ่ แม้พวกท่านก็อยู่ได้ แม้พวกผมก็จักอยู่.
พระฉัพพัคคีย์กล่าวว่า พวกทานจงย้ายออกไป วิหารถึงแก่พวกเรา
ดังนี้แล้ว ทำเป็นโกรธ ขัดใจ จับคอฉุดคร่าออกไป.
พระสัตตรสวัคคีย์ถูกฉุดคร่าออกไปก็ร้องให้.